Chocolate

Chocolate th รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ช็อกโกแลต

จุดเริ่มต้นของการให้ช็อคโกแลตนั้น เริ่มขึ้นในปีโชวะที่ 11 หรือปีค.ศ. 1936 บริษัทผลิตขนมในเมืองโกเบชื่อว่า Morozoff ได้ รู้จักกับประเพณีในวันวาเลนไทน์จากนักหนังสือพิมพ์ในอเมริกาคนหนึ่ง ก็เลยเกิดความคิดที่จะนำประเพณีนี้มาเผยแหร่ที่ญี่ปุ่น จึงเริ่มต้นด้วยการสร้างแคมเปญพิเศษ แนะนำให้คนญี่ปุ่นรู้จักวันวาเลนไทน์ ... วันแห่งความรัก และสร้างยอดขายด้วยการประชาสัมพันธ์ให้ผู้หญิงซื้อช็อคโกแลตมอบให้คนที่ตน รัก แต่ว่าในช่วงนั้นชาวญี่ปุ่นก็ยังไม่ให้ความสนใจกับธรรมเนียมนี้เท่าใดนัก
ต่อมาในปีค.ศ. 1958 ร้าน Mary's Chocolate ใน โตเกียวได้เริ่มแคมเปญนี้อีกครั้ง เชิญชวนให้ผู้หญิงใช้ช็อคโกแลตเป็นสื่อแสดงความในใจให้ชายที่ตนรัก มีการผลิตช็อคโกแลตรูปหัวใจออกมาจำหน่าย และรณรงค์ในปีต่อ ๆ มา ทำให้ยอดการจำหน่ายช็อคโกแลตเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทอื่น ๆ หันมาเลียนแบบเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน

แล้วทำไมถึงเป็นผู้หญิงล่ะ? เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือ ลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงนั่นเอง หลังจากนั้นก็มีการจัดแคมเปญนี้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อประมาณปีค.ศ.1970 สมาคมช็อคโกแลตและโกโก้ของญี่ปุ่นได้กำหนดให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันแห่งช็อคโกแลต ในที่สุดวันนี้ก็เลยกลายเป็นวันที่เหล่าหญิงสาวญี่ปุ่นทั้งหลายจะให้ช็อคโกแลตแก่ผู้ชายกัน


ฟลานเดอร์, เบลเยี่ยม

คน เบลเยี่ยมชอบช็อคโกแลตมากพอๆ กับที่ชอบเบียร์ และไม่เพียงแต่ช็อคโกแลตในแบบเก่าๆ เท่านั้น ชาวเบลเยี่ยมภูมิใจในคุณภาพและนวัตกรรม และฟลานเดอร์ก็อ้างว่าเป็นเมืองที่ทำช็อคแลตที่ดีที่สุดและสร้างสรรค์ที่สุด ที่ร้าน Hans Burieในแอนต์เวิร์ป (Antwerp) กับการทำช็อคโกแลตที่หรูหรา และ Laurent Gerbaud ในบรัสเซลส์ ซึ่งทั้งที่บรูซและบรัสเซลส์จะมีพิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลตซึ่งคุณสามารถเรียนรู้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการผลิตช็อคโกแลต

กานา

ครั้ง ต่อไปขณะที่คุณกำลังเคี้ยวช็อคโกแลตแท่ง ให้นึกถึง Tetteh Quarshie ชายซึ่งปลูกเมล็ดโกโก้เป็นคนแรกในกานา การพัฒนาทางอุตสาหกรรมการเกษตรที่ทำให้กานาเป็นผู้ส่งออกโกโก้รายใหญ่ใน ศตวรรษที่ 20

 
    1.ป้องกันการเกิดมะเร็ง
     เพราะได้พิสูจน์พบแล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลตเป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง


    2. ให้ช่วยคลายเครียด
    ช็อกโกแลตมีสารกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองผ่อนคลาย และยังมีเซโรโทนินซึ่งเป็นสารสร้างความสุข ทำให้อารมณ์ดี ยิ่งกินยิ่งHappy


    3.ช่วยปรับอารมณ์ และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ
    เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้นช็อกโกแลตจึงถือได้ว่าเป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงเลย ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือนอย่างได้ผล

ช็อกโกแลตกับราศี คุณคงเคยรู้มาบ้างว่าพฤติกรรมการกินของคนบ่งบอกว่าเขาหรือเธอเป็นคนอย่างไร นี่คือคำทำนายเล่นๆ
ที่บอกนิสัยการกินช็อกโกแลตของคนแต่ละราศี เผื่อจะช่วยให้คุณรู้จักคนพิเศษของคุณดีขึ้น

  • ราศีเมษ >>
สวาปามช็อกโกแลตทั้งหมดม้วนเดียวจบ
  • ราศีพฤษภ >>
มักซื้อช็อกโกแลต 2 กล่อง และเวลากินแล้วชอบเหลือแต่ช็อกโกแลตกลิ่นส้มไว้ให้คุณ
  • ราศีเมถุน >>
เลือกช็อกโกแลตกินด้วยการใช้นิ้วจิ้มลงไปในแต่ละชิ้น

หนุ่มหล่อกับช็อกโกแลต

เอเอฟพี - ผลสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นโดยบริษัท ผลิตช็อกโกแลตยี่ห้อดัง เผยผู้หญิงเมืองผู้ดีมากกว่าครึ่ง ชอบกินช็อกโกแลตมากกว่า ที่จะมีเซ็กซ์
        ผู้หญิงอังกฤษ 52 เปอร์เซ็นต์ จากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,500 คน ระบุว่า พวกเธอชอบกินช็อกโกแลต มากกว่าที่จะมีกิจกรรมบนเตียง ผลสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นโดย แคดบิวรี บริษัทผลิตช็อกโกแลตชื่อดัง ยังอ้างคำกล่าวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ระบุว่า "การกินช็อกโกแลตให้ความพึงพอใจที่แน่นอนกว่าการมีเซ็กซ์ ช็อกโกแลตไม่เคยทำให้ดิฉันผิดหวังเลยค่ะ"

แค ดบิวรี จัดทำผลสำรวจดังกล่าวขึ้น โดยจ้างนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเวลส์ ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างช็อกโกแลต กับสารเอ็นดอร์ฟีน ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายหลั่งออกมา และ ทำให้เกิดอารมณ์ที่เป็นสุข

  "มันไม่ใช่แค่สารเอ็นดอร์ฟีน ที่ทำให้คนเรารู้สึกพึงพอใจ เมื่อได้กินช็อกโกแลต แต่ขณะที่ช็อกโกแลต กำลังละลาย อยู่ในปาก ในระดับอุณหภูมิร่างกาย ที่ปกติ รสชาติที่เข้มข้น และ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของช็อกโกแลต จะทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นสุข และสร้างประสบการณ์ แห่งรสสัมผัสได้อย่างยอดเยี่ยม" พอล เฮ็บเบลธเวต ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์โลกของบริษัทกล่าว
ฮะ ฮ้า ในเมื่อ (ผู้หญิงสมัยนี้) มักมองว่าผู้ชายดีๆมีน้อย กว่าจะเจอคนที่มีค่า ควรแก่การมีเพศสัมพันธ์ด้วย ก็ปาเข้าไปสามสิบสี่สิบปี เรื่องอะไรจะไปรอให้โง่ บริโภคช็อกโกแลตแทนดีกว่า
อร่อยกว่ากันเยอะ

ช็อคโกแลต นอกจากจะเป็นของหวานแสนอร่อยที่ให้พลังงานต่อร่างกายแล้วยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก และมิตรภาพ และที่พิเศษไปกว่านั้น ช็อคโกแลตยังสามารถบ่งบอกถึงนิสัยของคุณที่ซ่อนอยู่ภายในตัวอีกด้วย เรามีคำทายสนุกๆ จากการเลือกกินช็อคโกแลตของคุณมาฝากกัน
ช็อคโกแลตมิ้นต์ เป็นคนที่มองไปข้างหน้าอยู่เสมอ ไม่ชอบเก็บเอาอดีตมาใส่ใจ ไม่มีกฏระเบียบอันใดที่จะหยุดคุณได้ยกเว้นคุณจะเป็นคนสร้างกฏนั้นเสียเอง เป็นคนชัดเจนและเปิดเผย ตรงไปตรงมา และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และพยายามมุ่งมั่นที่จะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น
ข้อเสีย บางครั้งก็มุ่งมั่นมากเกินไป ควรจะปล่อยวางบ้าง

การละลายช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตจะละลายที่อุณหภูมิ 120F หากอุณหภูมิสูงกว่านี้จะทำให้กลิ่นและรสเปลี่ยนแปลงไปคล้ายกลิ่นไหม้ การละลายช็อกโกแลตจึงไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูง เพียงแค่ให้ความร้อนในระดับที่พอเหมาะอย่างทั่วถึงก็สามารถละลายช็อกโกแลตได้ในเวลาอันสั้น ข้อสำคัญ คือ ห้ามมีน้ำในภาชนะเด็ดขาด เพราะจะทำให้ช็อกโกแลตละลายจับตัวกันเป็นก้อนๆ และไม่เนียน  2 วิธีที่ค่อนข้างง่ายและปลอดภัยในการละลายช็อกโกแลต คือ
1.Double Boiler อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีคือชามทนความร้อนสูง เช่น ชามสแตนเลส หรือชามแก้วทนไฟ หม้อน้ำเดือด พายยาง จากนั้นวางชามใส่ช็อกโกแลตที่หั่นแล้วบนปากหม้อที่มีน้ำเดือดเบาๆ และหมั่นคนเสมอ หากจะทิ้งไว้ให้ปิดไฟไปเลย ให้เหลือแต่ไอน้ำเป็นตัวทำละลาย วิธีนี้จะเร็วและผิดพลาดยาก แต่ข้อควรระวัง คือ หยดน้ำที่อาจกระเด็นได้ 
2.Microwave หั่นช็อกโกแลตเป็นชิ้นหยาบๆ ใส่ในชามที่เข้าไมโครเวฟได้ ใช้ระดับความร้อน medium หรือ 50%  โดยต้องหมั่นคนทุกๆ 30 วินาทีในขณะที่เครื่องทำงาน เน้นเลยว่าต้องคนสม่ำเสมอไม่เช่นนั้นช็อกโกแลตจะไหม้ บางครั้งอาจดูเหมือนช็อกโกแลตยังไม่ละลาย แต่แท้จริงแล้วอาจเริ่มไหม้ที่ก้นภาชนะแล้วก็เป็นได้

การเก็บรักษา
ส่วนใหญ่การเก็บช็อกโกแลตที่ยังไม่ผ่านการละลายไว้ในหีบห่อมิดชิดจะสามารถเก็บได้นานเป็นปี ถ้าเก็บในบริเวณที่เย็นๆ ไม่มีลมโกรก ไม่มีความชื้น และปราศจากกลิ่นแรงๆ แต่ถ้าหากเป็น Milk Chocolate และ White Chocolate กลิ่นจะเปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายเมื่อแกะออกจากห่อแล้ว วิธีที่ดีท่สุด คือ อย่าเก็บช็อกโกแลตไว้นานเกินไป แต่ถ้าหากต้องเก็บจริงๆ ควรห่อด้วยฟิล์มพลาสติกให้มิดชิด เก็บในกล่องพลาสติกที่มีฝาปิดสนิท และอาจห่อกล่องด้วยฟิล์มพลาสติกอีกครั้งแล้วนำเข้าช่องแช่แข็ง และจะต้องปล่อยให้ละลายก่อนแกะออกจากห่อไม่เช่นนั้นจะเกิดไอน้ำในเนื้อช็อกโกแลต ทำให้ช็อกโกแลตเสื่อมสภาพได้ เพราะส่วนผสมหลักในช็อกโกแลต คือ ไขมันและไขมันซึ่งไม่เข้ากัน
วิธีเก็บผงโกโก้ที่ดีที่สุด เก็บในภาชนะทึบแสงที่ปิดสนิทและควรเก็บภาชนะไว้ในที่เย็น(แต่ไม่ใช่ตู้เย็น) เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุผงโกโก้ออกไปได้อีกนาน

Couverture Chocolate

    Couverture Chocolate จะมีทั้งหมด 3 ชนิด Dark Chocolate, Milk Chocolate และ White Chocolate ถือว่า เป็น Chocolate ที่มีคุณภาพดีที่สุด เพราะมีปริมาณ Cocoa Butter สูง โดยมีปริมาณมากกว่า 31% ซึ่งมีผลทำให้เกิดลักษณะที่เป็นมันเงาตามที่ต้องการแก่ขนม แต่เนื่องจากปริมาณ Cocoa Butter สูงมาก จึงทำให้วิธีการนำไปใช้ค่อนข้างยุ่งยาก คือ ก่อนนำไปใช้จะต้องมีการ Tempering กันก่อนซึ่ง ขั้นตอนในการ Tempering มีดังนี้
1. ละลาย Couverture Chocolate โดยการตุ๋น (ต้องไม่ให้อุณหภูมิของ Chocolate ที่ละลายแล้วสูงเกินกว่า 55C/ 131F (หรือประมาณ 45-50C )สำหรับ Dark Chocolateและ 50C/122F สำหรับ White และ Milk Chocolate (หรือประมาณ 40-45C )
2. เท Chocolate ที่ละลายแล้วประมาณ 2/3  ลงบนโต๊ะหินอ่อน(ที่เหลือ 1/3 เอาไปตุ๋นต่อ) จากนั้นใช้ Spatula ปาดไปมาเพื่อให้ Chocolate เย็นลงถึงอุณหภูมิ 28C/82F(การปาดไปมาเป็นการค่อยๆ ลดระดับอุณหภูมิหรือคลายความร้อน จะก่อให้เกิดการสร้างผลึกที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นผลึกที่มีความมันเงาและให้

ส่วนผสมของ Chocolate ได้แก่

ผงโกโก้(Cocoa mass), เนยโกโก้(Cocoa Butter), น้ำตาล, นมผง, Emulsifier(เช่น Lacitin) และสารแต่งกลิ่นรส
ขั้นตอนการทำ คือ ผสม (Mixing), บดละเอียด(refining), นวด(Conching), Tempering และ Moulding
White Chocolate ได้มาจาก Cocoa Butter + Sugar + Milk Powder ( อาจใช้น้ำมันพืชแทน Cocoa Butter)
Dark Chocolate ได้มาจาก Cocoa Paste + Cocoa Butter + Sugar
Milk Chocolate ได้มาจาก Cocoa Paste + Cocoa Butter + Sugar + Milk Powder ( ได้มาจากได้จากการใส่นมผงซึ่งมีปริมาณไขมันนมอย่างน้อย 24% ลงไปใน Chocolate)
ผงโกโก้ (Cocoa Powder) จะมีปริมาณความชื้นไม่เกิน 9% ถ้าเป็นผงโกโก้ชนิดหวานได้จากการเพิ่มน้ำตาลลงไปในผงโกโก้อย่างน้อย 32%

วิธีทำช็อกโกแลตแบบง่ายๆ 2


  มาเริ่มต้นด้วยการเตรียม
          1.ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
          2.นมผง 1 ช้อนโต๊ะ
          3.น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนชา
          4.ไขมันปาล์ม 20 กรัม
          5. ส่วนผสมสุดท้ายคือน้ำมันปาล์ม ซึ่งจะใส่ 1 ช้อนชาหรือ 2 ช้อนชาก็ได้ แต่ทางที่ดีทำทั้ง 2 สูตรเปรียบเทียบกันเลยดีกว่า


    
          เมื่อได้ส่วนผสมทั้งอย่างพร้อมแล้ว นำไขมันปาล์มไปละลายในน้ำมันปาล์มโดยใส่ภาชนะกันร้อนแล้ววางในน้ำร้อนไม่เกิน 60 องศาเซลเซียสประมาณ 3-5 นาที ระหว่างนั้นผสมผงโกโก้


วิธีทำช็อกโกแลตแบบง่ายๆ 1

          ไม่ใช่เรื่องยาก หากใครอยากจะบรรจงปั้นแต่งช็อคโกแลตให้คนพิเศษกับมือ เพียงแค่ไปหาซื้อช๊อกโกแลตสำเร็จรูป (ที่เป็นเมล็ดแห้งหรือแท่ง)ตามซูเปอร์มาเก็ตทั่วไป เมื่อได้มาแล้วให้นำช็อกโกแลตสำเร็จรูปมาทำละลายด้วยวิธีง่ายๆ คือ
          - เตรียมน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส นำช็อกโกแลตใส่ในชามแก้ว แล้วลงแช่ในน้ำร้อนจนละลาย
          - ยกขึ้น ให้อุณหภูมิต่ำลงที่ 28 องศาเซลเซียส
          - จากนั้นเทใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้ทิ้งไว้ให้เย็น

อาร์เมเนียทุบสถิติโลกด้วยช็อคโกแลตหนัก 4 ตัน

ช็อคโกแลตที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คแล้ว โดยชาวอาร์เมเนียเป็นผู้ทุบสถิติ ด้วยขนาดและน้ำหนักที่ใหญ่มหึมา

 


ชาวอาร์เมเนีย ฉลองกันยกใหญ่ หลังจากเจ้าหน้าที่กินเนส world record ตรวจสอบแล้วว่า อาร์เมเนียได้ทำช็อคโกแลตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถือเป็นการครั้งแรกของชาวอาร์เมเนียที่มีชื่อประเทศอยู่ในกินเนสบุ๊ค

ช็อคโก แลตที่มีขนาดมหึมานี้ ใช้เวลาผลิตถึง 3 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่กินเนสและนักข่าวร่วมตรวจสอบตลอดกระบวนการผลิต ซึ่งผลที่ออกกฌน่าประทับใจมากเลยทีเดียว

“วัตถุดิบของช็อกโกแลต คือ โกโก้ (Cocoa) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่พอนำมาทำช็อกโกแลตจะมีการผสมน้ำตาล ไขมัน ซึ่งอาจจะเป็นไขมันจากโกโก้ ไขมันจากสัตว์ หรือพืช ดังนั้นการจะกินช็อกโกแลตให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพก็ต้องดูว่าช็อกโกแลตนั้นมีส่วนผสมอะไร อย่างที่มีคนบอกว่า ถ้าจะให้ดีต่อสุขภาพก็ควรกิน Dark Chocolate เพราะจะใส่ครีม นม น้ำตาลน้อย แต่ไม่ใช่ว่า Dark Chocolate จะดี เพราะบางยี่ห้อใส่ Shortening ซึ่งจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก”

Shortening เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของ semisolid 100% fat content product ซึ่งอาจผลิตมาจากไขมันสัตว์ (lard) หรือน้ำมันพืชชนิดเติมไฮโดรเจน (hydrogenated vegetable oil) ก็ได้ เป็นส่วนผสมที่ช่วยให้ช็อกโกแลตมีความแข็งตัวได้ในอุณหภูมิห้อง ดังนั้นการเลือกช็อกโกแลตที่ดีต่อสุขภาพ ก็อาจใช้วิธีง่ายๆ โดยการสังเกตว่า ช็อกโกแลตนั้นละลายช้ามากน้อยเพียงใดในอุณหภูมิห้อง หากละลายช้าก็หมายถึงมีส่วนผสมของ Shorteningอยู่มาก ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ

ดาร์กช็อกโกแลต
 
     ข้อดีของ... "ดาร์กช็อกโกแลต" ช่วยลดความดันเลือด-ความเสี่ยงโรคหัวใจ
ที่ผ่านมา "ช็อกโกแลต" ตกเป็นจำเลยในแวดวงโภชนาการ เพราะอุดมไปด้วย ไขมัน น้ำตาล และให้แคลอรี่สูง ช็อกโกแลตจึงเป็นสาเหตุของความอ้วน และก่อให้เกิดปัญหาฟันผุ และกลายเป็นขนมแสนอร่อยที่ต้องรับประทานอย่างระมัดระวัง
แต่วันนี้ภาพของช็อกโกแลตจะเปลี่ยนไป จากผู้ร้ายก็กลายมาเป็นพระเอกขวัญใจ เพราะจากผลวิจัยล่าสุด พบว่า "ดาร์ก ช็อกโกแลต" ที่คุณแม่บ้านนิยมนำไปทำขนมประเภทต่างๆ นั้น มีสารประกอบบางอย่างที่ช่วยให้เส้นเลือดทำงานได้ดี และอาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจด้วย
ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา ระบุว่า สารประกอบในช็อกโกแลตที่เรียกว่า "ฟลาโวนอยด์" สามารถช่วยการทำงานของเส้นเลือดให้เป็นไปอย่างปกติมากขึ้น และอาจจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้

     ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมมาก และมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบ รูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วนผสมในช็อกโกแลต นอกจากส่วนผสมแล้วรสชาติยังแตกต่างกันโดยระยะเวลาและอุณหภูมิของการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย
   ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวานช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้

   1. ช็อกโกแลตดำช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง

      เป็นที่ยอมรับกันว่า ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มีสารเคมีที่ส่งผลต่อระบบประสาท เล่ากันว่า นักรักชื่อกระฉ่อนโลกอย่างจิอาโคโม คาสซาโนวา (1725-1795) กินช็อกโกแลตก่อนขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ ด้วยช็อกโกแลตขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารกระตุ้นอารมณ์ใคร่ และผู้หญิงร้อยละ 50 สารภาพว่ากินช็อกโกแลตก่อนเมคเลิฟ
ไม่นานมานี้ มีงานวิจัยที่ศึกษากับเพศชายจำนวน 8000 คนที่สำเร็จการศึกษาจากฮาร์วาร์ด พบว่า คนที่รับประทานช็อกโกแลตเป็นประจำมีอายุยืนกว่าคนที่ไม่เคยรับประทานช็อกโกแลต สาเหตุที่กินช็อกโกแลตแล้วอายุยืนอาจเกี่ยวข้องกับ สารโพลีฟีนอลที่มีอยู่จำนวนมากในช็อกโกแลต โพลีฟีนอลเป็นสารที่ช่วยลดอนุมูลอิสระของไลโปโปรตีนความแน่นต่ำ และช่วยป้องกันโรคหัวใจ แต่ความเชื่อดังกล่าวยังเป็นเรื่องถกเถียงกันอยู่
ปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเปรียบเทียบกลุ่มที่รับประทานช็อกโกแลตเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ให้รับประทานช็อกโกแลตเทียม เพื่อทดสอบความจำพบว่า กลุ่มที่กินช็อกโกแลตสามารถจดจำคำพูดและภาพได้ดีกว่า และยังเคลื่อนไหวตอบสนองได้คล่องแคล่วกว่า ปัจจุบันนักวิจัยกำลังทดลองซ้ำเพื่อเปรียบเทียบผลอยู่

ช็อกโกแลต หรือ ช็อกโกเลต (Chocolate) คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก
ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นถูกค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม "ช็อกโกแลต" หรือบางส่วนของโลกในนาม "โกโก้"
ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อแตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า
โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้